ดั่งดาวระยิบฟ้า ชมัยภร แสงกระจ่าง
ได้รับรางวัลนวนิยายชมเชย การประกวดหนังสือดีเด่น งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ปี 2554


ราคาปก 250 บาท หนา 344 หน้า


งานสัปดาห์หนังสือ คมบาง บู๊ธ M38 โซนซี 1 ชั้นล่าง


25 มีนาคม -6 เมษายน 2554 ศูนย์สิริกิติ์


จากผู้เขียน    
กว่าดาวจะระยิบฟ้า



 ฉันเคยไปสอนวิชาวรรณกรรมวิจารณ์ให้นิสิตคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอยู่หลายปี  นิสิตรุ่นแรกที่ไปสอน   จะสนิทกันมากจนถึงขนาดเลยไปสนิทกับเพื่อน ๆของลูกศิษย์อีกด้วย  ในจำนวนนี้มีอยู่คนหนึ่งเป็นครูสอนอยู่ที่ต่างจังหวัด  ติดสอยห้อยตามเพื่อนนิเทศฯมาหาฉันถึงบ้าน  เพื่อนของลูกศิษย์เป็นคนน่ารัก  เธอคุยสนุก และเป็นคนมีอารมณ์อ่อนไหว  แต่เวลาทำงานเป็นประเภท ‘ลุย’  ตามด้วยรักอุดมการณ์ยิ่งชีวิต  เธอออกหัวเอียงซ้าย ช่างซัก ช่างถาม และช่างเล่า  เล่าเสียจนกระทั่งลูกสาวของฉันเกิดแรงบันดาลใจในการอ่าน “โต๊ะ โตะ จัง” ทั้งที่ฉันเพียรบอกมาไม่รู้กี่ครั้งกี่หนว่า หนังสือดี
 เธอชื่อ มีนา ศรีสมบูรณ์



 นอกจากช่างเล่าแล้วเธอยังช่างบันทึก  ฉันเห็นคุณสมบัติข้อดีในตัวเธอ  จึงยุให้เขียนหนังสือ  แต่จนแล้วจนรอด เธอก็ไม่ยอมเขียนออกนอกสมุดบันทึก  เธอย้ายโรงเรียนหลายครั้งหลายหน ด้วยเหตุผลต่าง ๆกัน  ท้ายสุดเธอลาออกก่อนเกษียณ  และยกสมุดบันทึกทั้งหมดมาให้ฉัน และว่า “พี่เอาไปเขียนเถอะ”



 ฉันกองสมุดบันทึกเธอไว้หลายเดือน  ไม่รู้จะตั้งต้นอ่านตรงไหน  จนวันหนึ่งเผลอหยิบมาอ่าน  ก็ค้นพบว่า ฉันร้องไห้น้ำตานองเพราะสะเทือนใจในเรื่องราวที่เธอบันทึก   ตรงโน้น ตรงนี้  ทั่วไปหมด  ในที่สุด ฉันจึงคิดจะเขียนเรื่องของเธอ  แต่ต้องเป็นเธอที่ ‘ปรุง’ใหม่  กลายเป็น ‘ครูเมษา’ ที่ร้อนราวกับดวงตะวัน  คอยแต่จะส่องแสงให้ดวงดาวทั้งหลายที่นั่งคอยทำตากะพริบระยิบระยับอยู่ในห้องเรียน   ครูเมษาในชีวิตจริงจะมี ‘วลาหก’ หรือไม่  ไม่รู้  รู้แต่ว่า เงาของวลาหกนั้น  ฉันเอามาจากศิลปินวาดรูปคนหนึ่งที่ไปประชุมด้วยกันเป็นครั้งคราว  ไม่ขออนุญาตใด ๆทั้งสิ้น  เพราะไม่มีเค้าลาง  เป็นตัวที่ฉันสร้างขึ้นทั้งสิ้น  ได้มาเพียงเงา


 ข้อใดเป็นข้อดีของหนังสือเล่มนี้ ขอยกให้ครูเมษาตัวจริงผู้เป็นแรงดาลใจในการเขียนเรื่องนี้



 ความสุขใน ‘ดั่งดาวระยิบฟ้า’  ‘ปรุง’ ขึ้นเพื่อให้กำลังใจคนมีอุดมการณ์  หวังว่า ดาวของครูเมษาคงจะส่องไปจนถึงดวงดาวทุกดวงที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ 


      ชมัยภร  แสงกระจ่าง 


 


จากสำนักพิมพ์คมบาง



นวนิยายของชมัยภร แสงกระจ่าง มีหลายเรื่องที่มีประเด็นสำคัญกล่าวถึง ความมีอุดมการณ์ และความหวัง เช่นเรื่อง กุหลาบในสวนเล็กๆ , จากดวงตาดอกไม้, สู่ดวงใจแผ่นดิน และ เหมือนฟ้ามีพระอาทิตย์สองดวง  อ่านแล้วจะรู้สึกถึงไฟอุดมการณ์ที่โชนชัดในตัวผู้เขียนเลยทีเดียว   แต่ยังไม่เคยมีครั้งไหนที่ผู้เขียน เน้นย้ำถึงอุดมการณ์ของความเป็นครู ได้เด่นชัดเท่าเรื่อง ‘ดั่งดาวระยิบฟ้า’ เล่มนี้



 ดั่งดาวระยิบฟ้า เรื่องราวของ เมษา ครูสาวผู้มุ่งมั่นว่าจะต้อง “ไปในถิ่นอันคนกล้ายังถอย” เธอเต็มเปี่ยมด้วยวิญญาณแห่งความเป็นครู  เป็นครูนักเล่านิทานที่เด็กๆชื่นชอบ เธอจริงจังอย่างยิ่งในการสอนหนังสือให้เด็กได้อ่านออกเขียนได้ แม้ว่าความจริงจังนั้น บางครั้งจะมากจนเกินความพอดี  เมษาจึงต้องมีคนคอยรั้งปล่อยวางลงเสียบ้าง โดย วลาหก ครูผู้ขวางระบบ และลาออกออกจากการเป็นครูมาเป็นศิลปินเต็มตัว ทั้งสองคนต่างหนทางชีวิต จะเข้ามาร่วมเส้นทางเดียวกันได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่ผู้อ่านต้องติดตาม แต่สิ่งที่เมษาบอกผู้อ่านก็คือ การทำตามอุดมการณ์เป็นเรื่องที่เป็นจริงได้  สังคมยังต้องการคนดีๆ อีกมาก หลากหลายอาชีพ  เพื่อร่วมสร้างอนาคตประเทศไทย



 ดั่งดาวระยิบฟ้า เคยตีพิมพ์เป็นตอนในนิตยสารสกุลไทย ในการรวมเล่มครั้งนี้ ได้มีการปรับต้นฉบับเล็กน้อย เพื่อให้กระชับขึ้น 



 หวังว่า ดาวระยิบฟ้า จะทำให้ผู้อ่าน ตระหนักรู้ได้ถึงความมีอุดมการณ์ของตนเอง และของผู้อื่น จงร่วมกันปลูกดอกไม้ในสวน คนละต้นสองต้น เพื่อสวนสังคมของเราจะงดงาม เบิกบาน และเปี่ยมสุข


 ขอให้มีความสุขในการอ่านหนังสือดีๆ


 สำนักพิมพ์คมบาง