งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ 2007
งานนี้หืดขึ้นคอ

อยากจะแวะเข้ามาบอกเล่าเรื่องราวในงานหนังสือก่อนหน้านี้ แต่ว่าเนื้อยยยย เหนื่อย .. เลยไม่ได้เล่าอะไร รวบยอดทีเดียวเลยค่ะ

ว่ากันตามสถานการณ์ งานหนังสือคราวนี้ อยู่ในท่ามกลางสถานการณ์อึมครึม ก่อนหน้างานสองสามวันก็อื้ออึงด้วยข่าวลือปฏิวัติซ้อน อีกสัปดาห์ก็เกิดระเบิดตูมตามที่หน้าเมเจอร์รัชโยธิน แถมยังมีข่าวอื้อฉาวเรื่องการ์ตูนโป๊ของบูธในงานเสียอีก
แต่ข่าวต่างๆ ก็ไม่ได้ทำให้คนมาเที่ยวงานหนังสือน้อยลง แต่เงินในกระเป๋าของนักอ่านน้อยลงแน่ๆ ยอดขายจึงตกไปตามๆ กัน

จากข่าวและเหตุการณ์ไม่สงบ ศูนย์ประชุมสิริกิติ์จึงมีมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้นมาก ซึ่งแม้จะทำให้รู้สึกอึดอัดบ้าง เวลาเข้าออกในงาน เพราะต้องโดนตรวจแล้วตรวจอีก แต่ก็ทำให้พวกเราในงานอุ่นใจได้ว่า คงไม่มีอะไรมาตูมตามย่านนี้
งานนี้มีความเคลื่อนไหวและ บรรยากาศดังนี้

บูธตากแดด ร้อนๆ ฝนๆ
งานคราวนี้ ผู้จัดได้เพิ่มบูธด้านนอก หน้าสถานีรถไฟฟ้าด้วย สนพ. ส่วนใหญ่ที่ได้พื้นที่นั้นก็เอาหนังสือค้างสต็อคไปเลขาย เช่น สนพ.พิมพ์คำเอาหนังสือเล่มเก่าไปลด 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วน เคล็ดไทยก็เอาหนังสือดีๆ มาโละเล่มละ 10 บาท (ทู้ก…ถูก) โอเพ่น ก็ลดเยอะๆ ก็พอขายได้กันนะ แต่ว่าแดดร้อนเหลือเกิน เผลอๆ ก็ฝนตกลงมาอีก เล่นเอา สนพ.บรรณกิจ ถอดใจ เพราะร่างกายไม่ไหว ยอมขายบูธให้กับเสี้ยวจันทร์ แรมไพร เอาไว้ขายกาละแม

งานนี้โจรชุม
คราวนี้ ฝ่ายรักษาความปลอดภัย ควบคุมคนเข้าออก ตรวจตราเข้ม แต่ทว่า ไม่สามารถควบคุมมิจฉาชีพได้ ยิ่งเศรษฐกิจไม่มี โจรขโมยก็มากขึ้น งานนี้ คนขายหลายคน โดนล้วงกระเป๋าไปจากใต้โต๊ะ เช่น น้องเมย์ บูธ รหัสคดี โดนฉกกระเป๋าไปจากใต้โต๊ะ มีเงิน 300 แต่มีเอกสารลงทะเบียนเรียนทั้งชุด เล่นเอายุ่งทีเดียว รวมทั้ง คนขายบูธ แพทย์แผนไทย ด้วย ที่โดนฉกกระเป๋าวันเดียวกัน แต่หนุ่มคนขายมูลนิธิสายใยแผ่นดิน นี่ซวยเข้าขั้น เมื่อมอเตอร์ไซค์ที่ผ่อนมาใกล้หมด มาหายเอาในงานนี้ ที่หนักหนาสาหัส มีหลายบูธ ไม่รู้ว่าเหตุการณ์จริงเป็นอย่างไร มีแต่คำบอกเล่าว่า หลายบูธโดยล้วงไปเป็นหมื่นๆ เงินที่ขายเอาเก็บไว้ใต้โต๊ะไม่ได้เด็ดขาด บางเจ้าเป็นแม่ค้าใหม่ ไม่ทราบกลวิธีมิจฉาชีพ ก็เสร็จโจร อีกรายย่านเมนฟอร์เย โดนกระชากไปต่อหน้าต่อตา นี่ยังไม่นับว่า บางเจ้าอาจโดนแก๊งแบ็งค์พันเล่นเข้าโดยไม่รู้ตัวอีกนะ รวมทั้งอีกหลายรายที่โดนล้วงกระเป๋า
ดังนั้น ต้องเตือนไว้ ว่าในงานหนังสือ มิจฉาชีพมันแฝงตัวอยู่ โดยเฉพาะตรงที่คนแน่นๆ มันก็เข้ามาแน่นด้วย เราเห็นคนหนึ่ง มาเปิดหนังสือที่บูธเรา แต่ตามองไปที่บูธข้างๆ อย่างเดียวเลย ล่อกแล่กมากๆ กำลังจะออกไปตะโกนให้ระวังกระเป๋าสตางค์ ยัยคนตาล่อกแล่กมันก็หายแวบไป มีคนเตือนว่าให้ระวังหนึ่งหญิงหนึ่งกระเทย สวมแหวนเพชรเต็มนิ้ว จะมาทำท่าชี้เล่มนั้นเล่มนี้ ถามนั่นถามนี้ ให้ระวังกระป๋องและกระเป๋าสตางค์ไว้ให้ดี เผลอมันฉกจริงๆ ส่วนเรื่องล้วงใต้บูธ เชื่อว่ามันน่าจะเอาตีนควานด้านล่าง ทำทีมายืนเลือกหนังสือ แต่เอาตีน
ล้วงกระเป๋าด้านล่าง ทั้งนี้เพราะคุณอาณัติผู้แอบหลับใต้โต๊ะขายของเล่าว่า มีคนเอาตีนเขี่ยๆ เข้ามา เหมือนจะลากๆ เขี่ยๆ ท่านกำลังหลับ ก็เลยถองขาเข้าให้ แต่ก็ไม่ทันคิดว่าเป็นโจร ไม่งั้นจะให้ดึงขาไว้เลย

จตุคามรามเทพ
ถือว่าเป็นปีของพระ เพราะหนังสือเกี่ยวกับจตุคามรามเทพ และขุนพันธุ์ มีมากมายเหลือเกิน ทั้งสำนักพิมพ์เล็ก อย่าง ณ เพชร สำนักพิมพ์ และรายใหญ่ เช่น มติชน ซีเอ็ด สยามอินเตอร์ แม้แต่เคล็ดไทย ก็ยังมี

alternative writer ชุมทางฝากขาย ที่ขายดีสุดๆ
แม้จะได้ทำเล ย่านเอเทรียม แต่ก็กลับถือว่าเป็นดี เพราะได้ทำเลหัวมุม ที่เด่นสะดุดตา งานนี้ขายดี 3 ทุ่มครึ่ง ยังมีลูกค้ามะรุมมะตุ้มกันอยู่เลย ถือเป็นการอุทิศตัวของ คุณนิวัติ พุทธประสาท จริงๆ เพราะหนังสือของตัวเองมีไม่มาก แต่ขายให้คนอื่นมากมาย ใครไม่เคยมาขายงานไม่รู้หรอกว่า มันยุ่งวุ่นวายขนาดไหน ยิ่งการรับฝากขาย นี่ช่างเป็นเรื่องสุดวุ่นวายโกลาหล การที่ AW ทำอย่างนี้ นับว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ร้านตัวเองเป็นหน้าร้านของนักเขียนรุ่นใหม่ๆ ให้ได้มีที่เผยแพร่ผลงาน นับถือน้ำใจพี่ท่านด้วยใจจริง อย่าว่าแต่อะไรเลย ลัช เล่ม 6 ขายที่ร้านพี่ท่านได้ 100 เล่ม แล้วน่ะ

คมบาง
ส่วนบูธคมบางของเรา งานนี้เรียกว่า หืดขึ้นคอ เนื่องจากว่า เราอยู่ในทำเลปิด ทางเข้าด้านหน้า ปิดซอยด้วยบูธอนิแม็ค การ์ตูน และ ร้านขายหนังสือ (อย่าเอ่ยชื่อเลย) ที่ขายหนังสือคอม และซีดี ที่ยืนขายของกลางทางเดิน แบบไม่สนใจใคร เห็นแก่ได้มากๆ และไม่เห็นแก่คนเดินเลยน่ะ ส่วนท้ายซอย ถูกปิดด้วยบูธของ สนพ. บงกช การ์ตูน แน่นอีกเหมือนกัน ขนาดลูกค้าบางคน เดินมาแล้ว ยังหาทางเข้าไม่เจอ ไม่ได้แวะมาก็ยังมีค่ะ
ยอดขายคราวนี้เลยไม่สวยนัก หืดขึ้นคอทีเดียว

แต่บูธของเราก็ยังเป็นบูธที่ต้อนรับนักเขียน เช่นเดิม มีนักเขียนนักอ่านแวะเวียนมาคุยกันไม่ขาด
ยังไม่นับเพื่อนฝูง และแฟนหนังสือของชมัยภร อีกมากมาย เรียกว่า อบอุ่นเหมือนเช่นเคย