3 ชั่วโมงกับ
ศึกษิตสยาม


*คุณได้รับข้อความใหม่*

บก. :  ไปเจอกันที่เคล็ดไทยตอนเที่ยงนะ

นางสาวร็อคกบฏ : ได้เลยจ้า

 

สิ่งแรกที่เกิดขึ้นในหัวหลังจากตกปากรับคำ
บก. เรียบร้อยแล้วคือ “ไปยังไงวะ…..”

ถ้าถามว่าฉันเคยไปเคล็ดไทยไหม?
เคยสิ ฉันเคยไปเคล็ดไทย ฉันเคยไปที่นั่นมาแล้ว
1 ครั้ง
แต่ครั้งนั้นฉันไปด้วยแท็กซี่ ฉันทราบข้อมูลที่ตั้งของเคล็ดไทยเพียงแค่
‘อยู่ถนนเฟื่องนคร ตรงข้ามหลังวัดราชบพิธฯ’ ครั้งนั้นฉันจึงตัดสินใจ …“ไปแท็กซี่เถอะแม่ร็อคกบฏ”….
ซึ่งการตัดสินใจเดินทางด้วยวิธีนี้ก็สอนฉันว่า การนั่งแท็กซี่จากอ่อนนุชไปฝั่งพระนคร
คือเรื่องที่ไม่ควรที่สุด ฉันจ่ายเงินค่าโดยสารไปเกือบ
300 บาทและเผชิญรถติดใช้เวลาเดินทางไปเกือบ 2 ชั่วโมง….

ครั้งนี้ฉันจึงศึกษาข้อมูลการเดินทางใหม่และเลือกวิธีที่ง่ายและรวดเร็วที่สุด
คือการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า (เพื่อประหยัดเวลา) ไปลงที่สถานีสนามกีฬา แล้วโบกแท็กซี่
บอกพี่คนขับว่า “ไปหลังวัดราชบพิธฯค่ะ” และเพียงราว ๆ
10 นาที ฉันก็จ่ายเงินค่าแท็กซี่ไปเพียง 70 บาท หากรวมกับค่ารถไฟฟ้าแล้ว
ฉันจ่ายเงินสำหรับการเดินทางมาที่เคล็ดไทยเพียง
112 บาท
เท่านั้น รวดเร็วและประหยัดกว่าครั้งก่อนเกือบ
2 เท่า…..โถ
แม่ร็อคกบฏ

                เป้าหมายของการมาเคล็ดไทยครั้งนี้
ไม่ได้มาเพื่อติดต่อหารือเรื่องการฝากขายหนังสือกับเคล็ดไทยแต่อย่างใด  แต่ฉันมาที่แห่งนี้เพื่อประชุมกองบรรณาธิการ
(นัยว่าเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ) ที่ร้านหนังสือเล็กๆ  ในเครือของเคล็ดไทยแห่งนี้ “ร้านศึกษิตสยาม”

                “โอ ฉันอยู่ตรอกไดแอกอนหรือนี่?”
(ตรอกของโลกพ่อมดแม่มดแห่งหนึ่งในวรรณกรรมเรื่องแฮรี่ พอตเตอร์ )
คงเพราะฉันเป็นแฟนตัวยงของแฮรี่ พอตเตอร์ ทันทีที่เห็นประตูของร้านศึกษิตสยาม
ที่เป็นประตูกระจกกรอบไม้บานเดียวสไตล์ร้านอังกฤษยุคเก่า และชั้นหนังสือตู้กระจกขนาดใหญ่หน้าร้านที่ด้านในวางโชว์หนังสือแนะนำของร้าน
มันทำให้ฉันนึกถึงร้านขายไม้กวาด และอาจด้วยร้านหนังสือนี้ตั้งอยู่บนถนนเฟื่องนคร
ถนนสายเก่าแก่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่
4
ตึกรามในละแวกนั้นก็ล้วนเป็นตึกเก่าที่ตั้งอยู่มาตั้งแต่สมัยคุณปู่คุณย่าผสมผสานกับการจราจรที่วุ่นวาย
ถนนเล็ก ๆ สาย นี้ ทำให้ฉันก็นึกถึงตรอกมหัศจรรย์นั้นขึ้นมาทันที


เป้าหมายหลักของการมาร้านศึกษิตสยามครั้งนี้คือ
มาเพื่อประชุมความคืบหน้างานของสำนักพิมพ์ ดังนั้น เมื่อเราก้าวเข้าร้าน สิ่งที่ฉันและ
บก. ทำเป็นสิ่งแรกหลังจากเปิดประตูเข้ามาคือ “สั่งข้าวกินกันเถอะ”

ใช่
ฉันและ บก. กำลังสั่งข้าวในร้านหนังสือ

ทำไมล่ะ!? ก็ในเมื่อที่ร้านศึกษิตสยามไม่ได้มีแต่หนังสือนี่
ร้านนี้ไม่ใช่แค่ร้านหนังสือ แต่ร้านนี้เป็นร้านหนังสือที่มีอาหารขายด้วย ดังนั้น
ก่อนที่เราจะเริ่มใช้สมอง เรื่องปากท้องก็สำคัญนะ ถ้าปล่อยให้ท้องร้อง สมองก็ไม่แล่นสิ….จริงไหม?
เราเริ่มมองหารายการอาหารของร้านทันที

อืม….แม้เมนูมีให้เลือกไม่มากเท่าไรนัก ไม่ถึง 10
 รายการส่วนใหญ่คือส้มตำประเภทต่าง ๆ แต่ก็เข้าใจได้
พราะแต่เดิมร้านศึกษิตสยามเป็นร้านขายหนังสืออย่างเดียว
เพิ่งมีการขายอาหารด้วยเมื่อไม่นานมานี้ ที่เจ๋งมากคือ
แม่ครัวของที่นี่ก็ไม่ใช่ธรรมดา เป็นแม่ครัวที่มีตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายขายของบริษัทเคล็ดไทยเชียวนะ…

ฉันไล่อ่านเมนูก็พบกับเมนูหนึ่งที่ฉันจำได้แม่นว่า
ทั้งชีวิตฉันเคยกินมันแค่ครั้งเดียว นั่นคือ “เต้าคั่ว” อาหารภาคใต้ ฉันนึกถึงหน้าตาอาหารคล้ายยำมีเส้นหมี่กับเต้าหู้เป็นส่วนประกอบหลัก
มีกุ้งและผักบุ้งลวกเป็นกำลังเสริม เติมไข่ต้มอีกซีก
คลุกเคล้าด้วยน้ำปรุงรสเปรี้ยวหวานกำลังดี  

ส่วนราคาอาหาร
บ้าไปแล้ว
! ร้านนี้ตั้งอยู่บนถนนเก่านะ ค่าที่แพงนะ
ค่าไฟแพงนะ แอร์ในร้านก็เปิดเย็นฉ่ำขนาดนี้ ทำไมราคามันถึงถูกขนาดนี้
(ราคาอาหารเริ่มต้นที่
30
บาท) เอาสิ
ถ้าราคาอาหารจะถูกขนาดนี้ วัดกันที่รสชาติไปเลย ฉันและ บก. สั่งอาหารไป
3-4 อย่าง ระหว่างที่รออาหาร
ฉันจึงพอมีเวลาให้ได้เดินสำรวจรอบๆ ร้าน


สิ่งที่ฉันเริ่มสำรวจเป็นอย่างแรกคือ
หนังสือของ อ.ชมัยภร นักเขียนประจำสำนักพิมพ์ที่ฉันทำงานอยู่ตรงไหนกันนะ?

เหมือนละครไทยชะมัด

เพียงแค่นึกถึงและกำลังจะลุกออกจากโต๊ะอาหารกลางร้านเพื่อตามหาหนังสือของ
อ.ชมัยภร ในจังหวะที่จะเอี้ยวตัวลุกขึ้นยืน เพียงแค่หันทางขวามือ
ฉันก็เจอเข้ากับหนังสือของ อ. แล้ว  หนังสือหลายเล่มของ
อ.ชมัยภร  ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบเป็นสัดส่วนชัดเจนบนชั้นข้างๆโต๊ะอาหารนั้นเอง
มีหลายเล่มทีเดียว เล่มที่เป็นกระแสหรือเป็นที่นิยมอย่าง อาม่าบนคอนโด ขวัญสงฆ์
ในเวิ้งฟ้าอันไพศาล ก็มี หรือจะเป็นเล่มที่เพิ่งออกใหม่อย่าง คุณย่าติดไลน์
คุณยายติดเฟซ ก็มา เรียกได้ว่าครบทุกเล่มที่นักอ่านหลายคน บอกว่า “ดีมาก”  


นอกจากหนังสือของสำนักพิมพ์คมบางแล้ว
ใกล้ ๆ กัน ฉันก็เจอเข้ากับงานวรรณกรรมผจญภัย แฟนตาซี ในดวงใจของใครหลาย ๆ
คนอีกด้วย นั่นก็คือ วรรณกรรมชุด ล่องไพร นั่นเอง 
หลายคนคงบอกว่าล่องไพร แล้วไง? มันก็ไม่แล้วไงหรอกเพียงแต่ที่ร้านนี้
“มีครบทุกเล่ม” เท่านั้นเอง……

สิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกสะดุดตามากที่สุดในร้านนี้คือ
โต๊ะอ่านหนังสือกลางร้าน ที่อยู่ใกล้กับโต๊ะอาหาร ที่ว่าสะดุดตาเพราะ จะเรียกว่าโต๊ะก็ไม่เชิง
เพราะมีชั้นวางหนังสือด้วย ฉันเองก็เรียกมันไม่ถูกเหมือนกัน ให้ลองนึกภาพห้องสมุดใหญ่
ๆ แล้วมีจุดนั่งอ่านหนังสือที่มีหนังสือวางอยู่บนหัวนั่นล่ะ ใช่เลย
หนังสือที่อยู่บนโต๊ะชั้นหนังสือนี้ (ฉันเรียกมันแบบนั้น
เพราะฉันเห็นมันเป็นแบบนั้น) มีหลายเล่มที่ทำให้ฉันเห็นแล้ว “โอ เจ๋ง”
งานแปลของนักเขียนระดับโลกอย่างงานของ ลีโอ ตอลสตอย ก็อยู่บนนั้นด้วย


ละจากจุดอ่านหนังสือกลางร้าน
ฉันก็เดินต่อเข้าไปที่ด้านในของร้าน เป็นมุม ๆ หนึ่ง เจอกับชั้นวางหนังสือล้อมรอบ
บรรยากาศตรงบริเวณนั้นเลยจะดูเงียบ ๆ ดูเป็นส่วนตัวขึ้นมาทันที
ในบริเวณนี้จะเป็นโซนที่จัดวางหนังสือเด็ก หนังสือนิทาน และหนังสือต่าง ๆ
ที่เหมาะกับเด็กและเยาวชน มองขึ้นไปบนชั้นวางหนังสือจะเจอป้ายไม้ใหญ่ ๆ
ที่ดูขลังและเก่าแก่ เขียนตัวหนังสือสีทองใหญ่โตชัดเจนว่า “ศึกษิตสยาม”
อารมณ์ตอนนี้ฉันกำลังรู้สึกเหมือนกำลังมองดูคุณปู่ป้ายไม้ที่กำลังนั่งอบรมเด็ก ๆ
ที่เป็นหนังสือนิทานอย่างไรอย่างนั้นเลย ฮ่า ๆ


ฉันใช้เวลาสำรวจหนังสือและบรรยากาศร้านศึกษิตสยามอยู่พักใหญ่
ก็ได้ยินเสียงเรียก “อาหารมาแล้วค่า”

อ่า…ถึงเวลาแล้วสินะที่เราจะได้ลิ้มรสฝีมือการทำอาหารของผู้จัดการฝ่ายขายของเคล็ดไทย

เราใช้เวลาในการทานอาหารไม่นานนัก
แล้วก็ได้ข้อสรุปสำหรับอาหารในร้านหนังสือแห่งนี้ว่า “อร่อย”
ไม่ผิดหวังเลยสักนิดกับรสชาติอาหาร 
อีกทั้งยังราคาถูกอย่างไม่น่าเชื่อ
ดังนั้นสำหรับการทานข้าวในร้านหนังสือครั้งนี้ ฉันให้ผ่านได้ไม่ยาก

อ้อ
นอกจากอาหารแล้ว ร้านศึกษิตสยามมีไอศกรีมแท่งหลากรสให้ลองกันด้วยนะ เช่น รสชาไทย
รสทุเรียน รสลอดช่อง และอีกหลายรสที่กินแล้วจะต้องนึกถึงรถเข็นขายไอศกรีมสมัยโบราณแน่นอน
แต่….ฉันไม่ได้ลองชิมหรอกนะ….แหะ ๆ

หลังจากให้อาหารกระเพาะกันไปแล้ว
เราจึงเริ่มประชุมทีมกองบรรณาธิการกัน การประชุมค่อนข้างเคร่งเครียดพอสมควร
(สำหรับฉัน) ฉันต่อสู้กับความเครียด และความง่วง (ที่เริ่มก่อตัวหลังจากกินอิ่ม)  ได้สักพัก
เราหยุดการประชุมแล้วพากันวิ่งออกไปหน้าร้าน
ไม่ได้วิ่งออกไปกายบริหารยืดเส้นยืดสายคลายง่วงอะไรหรอก แต่เราวิ่งไป เพราะขบวนแห่เทียนพรรษาสวยงามคณะใหญ่ของน้อง
ๆ โรงเรียนวัดราชบพิธฯ เคลื่อนผ่านมาพอดี ฉันรู้สึกตื่นเต้นกับเสียงกลองและขบวนแห่นะ
แต่ไม่เท่ากับการที่มีน้องนักเรียนคนหนึ่งเดินถือบาตรพระมากับขบวนแห่นั้น
ฉันยื่นแบงค์จำนวนหนึ่งใส่ลงในบาตรนั้นเพื่อร่วมทำบุญกับน้อง ๆ
ในใจก็พลางอธิษฐานว่า “ขอให้ บก. ของหนูลืมเรื่องที่จะบ่นหนูทีเถอะค่า
เพี้ยง”…….

เราใช้เวลาอยู่ในร้านศึกษิตสยามราว
ๆ เกือบ
3 ชั่วโมง ฉันว่ากำลังดีนะ
ถ้าให้ฉันให้คะแนนร้านหนังสือที่ขายอาหารด้วยแห่งนี้ ฉันให้คะแนน
8.5 เต็ม 10
นะ
เพราะด้วยบรรยากาศในแบบที่ให้กลิ่นไอความเก่าแก่ ความวินเทจ
ที่ได้รับจากบรรยากาศรอบข้างที่เป็นถนนเส้นเก่า ตึกเก่า มันทำให้ฉันผู้ชอบในความโบราณชื่นชมร้านนี้ได้ไม่ยาก
ส่วนคะแนนที่หักไปคงเป็นเพราะการเดินทางจากบ้านของฉันมาที่นี่ค่อนข้างไกล
และหากคนไม่แม่นเส้นทางอาจจะหาตำแหน่งร้านยากไปสักนิด และที่สำคัญวันนี้ฉันโดน บก.
ดุฝากกลับบ้านไปหลายกระบุงโกย ฮ่า

มาเถอะ
ลองมานั่งหาอาหารสมอง หาอาหารกระเพาะกันที่ศึกษิตสยามแห่งนี้เถอะ เชื่อสิ
ยังมีอีกหลายอย่างเลยที่หลายคนเห็นแล้วจะต้องร้อง “ว้าววว”  มาเถอะนะ มาเยือนย่านเก่านี้สักครั้ง
มาเยือนร้านหนังสือศึกษิตสยามสักหน แล้วจะได้อะไรกลับไปให้รู้สึกอิ่มใจไปได้อีกหลายวันแน่นอน

By นางสาว ร็อคกบฏ 

ร้านศึกษิตสยาม
ที่อยู่ : 11​3 ถนนเฟื่องนคร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 ไทย
 เบอร์โทรศัพท์ :