คำอธิบาย
คำนำสำนักพิมพ์
นวนิยายของชมัยภร แสงกระจ่าง แม้จะไม่ได้ “ปะ” ยี่ห้อ “เพื่อชีวิต” หรือ “วรรณกรรมเพื่อสังคม” นักวิจารณ์บางท่านอาจจะจัดกลุ่มอยู่ในนวนิยายประโลมโลกด้วยซ้ำ แต่ในความเป็นจริง นักอ่านนักวิจารณ์ที่ติดตามผลงานของชมัยภร แสงกระจ่าง จะทราบดีว่า “สาร” ในนวนิยายของนักเขียนหญิงผู้เปี่ยมประสบการณ์ชีวิตท่านนี้ ล้วนแต่ “หนัก” และ “แน่น” ไปด้วยเรื่องราวของชีวิต สังคม รวมทั้งการเมือง โดยเล่าเรื่องผ่านตัวละครธรรมดาราวกับมีเลือดเนื้อตัวตน ด้วยกลวิธีเล่าที่ไม่ยากหรือซับซ้อนจนเกินไป
ในระยะหลัง เมื่อประสบการณ์ของนักเขียนและความเข้าใจในชีวิตและโลกมากขึ้น นักเขียนมักนำเสนอประเด็นเรื่องการใช้ธรรมะเยียวยาชีวิตไว้มากขึ้น จากที่เป็นเพียงปมแทรกในเรื่องรัก ก็กลายเป็นประเด็นหลักในเรื่อง เช่น นวนิยายเรื่อง หยาดน้ำค้างพันปี (๒๕๕๗)
ในเวิ้งฟ้าอันไพศาล เล่มนี้เป็นอีกก้าวของการกล่าวถึงสัจธรรมของชีวิต นั่นคือ “ความตาย” ซึ่งเป็นประเด็นที่เขียนขยายออกมาเป็นนวนิยายได้อย่างล้ำลึกและซับซ้อน โดยล้วงลึกเข้าสู่ปมของตัวละครอันเกิดขึ้นหลังความตายของคู่ชีวิต พัฒนาไปสู่กันปรับตัวปรับใจ และเรียนรู้ถึงสัจธรรมอันแน่นอน
ในเวิ้งฟ้าอันไพศาล จะเป็นนวนิยายที่ทำให้คุณหันกลับมามองชีวิตอย่างมีสติ เข้าใจ และปล่อยวางได้บ้าง อย่างน้อยคุณคงต้องตั้งคำถามถึงสิ่งที่เป็นอยู่ และมองมันอย่างเข้าใจมากขึ้น ที่สำคัญคือ นี่ไม่ใช่นวนิยายของคนอ่านสูงวัย หากเป็นเรื่องที่อ่านได้ทุกวัย
วรรณกรรมเป็นหนทางแห่งความเข้าใจชีวิต การอ่านเปิดทางให้ชีวิตคุณ
สำนักพิมพ์คมบาง
………………………
คำนำ
ในเวิ้งฟ้าอันไพศาล
ชีวิตฉันมีความทุกข์เงียบ ๆ ซับซ้อนอยู่ภายใน แต่ฉันมีกัลยาณมิตรที่ดีชักนำไปสู่การหาทางออกของชีวิต มีทั้งที่ชักชวนไปทำกิจกรรมทางวรรณกรรม เสนอให้เขียนหนังสือ(ให้มากขึ้น) และพาไปปฏิบัติธรรม การไปปฏิบัติธรรมทำให้มองเห็นตัวเองเล็กกระจ้อยลง ยอมรับบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตได้ง่ายและเร็วขึ้น รวมทั้งมีเครือข่ายชีวิตทุกข์ชัดเจนขึ้น
คุณศิริจันทร์ ภิรมย์ภักดี เป็นเครือข่ายชีวิตที่บังคับให้ฉันต้องปฏิบัติธรรมเป็นประจำทุกปีกับพระราชสุเมธาจารย์ ในขณะที่คุณหญิงจำนงศรี หาญเจนลักษณ์ เป็นเครือข่ายชีวิตทุกข์คนสำคัญคนหนึ่งที่โฉบเข้ามาในจังหวะที่เหมาะสมงดงาม วันหนึ่งคุณหญิงจำนงศรีจัดการจับจองให้ฉันไปอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง วิถีสู่ความตายอย่างสงบ โดยพระไพศาล วิสาโลและคณะ ในเดือนมกราคม ปี ๒๕๕๕ กำหนดจัดขึ้นที่บ้านน้ำสาน ต.แม่แรม อ.แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านพักของคุณหญิงจำนงศรี หาญเจนลักษณ์ ฉันเป็นผู้โชคดีได้มีโอกาสเข้ารับการอบรมพร้อมกับกัลยาณมิตรอีก ๒๙ คน ซึ่งแล้วล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน และมาจากต่างถิ่น ต่างที่และต่างอาชีพกันอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
ก่อนที่จะมาเข้ารับการอบรมครั้งนี้ ฉันเคยได้ยินได้ฟังเรื่องราวเหล่านี้มาพอสมควร ได้อ่านเพื่อรอยยิ้มเมื่อสิ้นลม(ที่คุณสง่า ลือชาพัฒนพร เขียนจากประสบการณ์ของคุณพยาบาลกานดาวสี) มาแล้วทั้ง ๒ เล่ม (อ่านไปร้องไห้ไปทีละเรื่อง เขียนหนังสือเบื่อ ๆหยิบมาอ่านทีไรร้องไห้น้ำตาเผาเต่าทุกครั้ง) รวมทั้งมีประสบการณ์ส่วนหนึ่งมาจากการเฝ้าดูแลคุณแม่เมื่อระยะสุดท้ายของชีวิตมาถึง การเข้ารับการอบรมทำให้ฉันตระหนกและตระหนักในความตายและการจากพรากอย่างมากมายมหาศาลและชัดเจนขึ้น ในวันสิ้นสุดการอบรม พระอาจารย์ไพศาลได้ให้ผู้เข้ารับการอบรมเขียนคำสัญญาด้วยว่าจะทำอะไรต่อจากการอบรมครั้งนี้แล้ว ฉันจำได้ว่าเขียนลงในกระดาษแผ่นเล็ก ๆว่า จะเขียนหนังสือเกี่ยวกับความตาย ตีพิมพ์เผยแพร่ในนิตยสารเพื่อให้คนทั่วไปได้เรียนรู้เรื่องความตายอย่างสงบ และส่งคืนคำสัญญาไว้กับพระอาจารย์
หลังจากนั้นฉันเขียนไปเพียงบทรายงานการอบรม และจด ๆจ้อง ๆว่าจะเขียนนวนิยายสักเรื่องหนึ่ง เวลาผ่านไปหกเดือนฉันได้รับแผ่นคำสัญญาแผ่นเล็ก ๆของตัวเองที่ให้ไว้กับพระคืนมาในซองไปรษณีย์โดยไม่มีถ้อยคำอื่นใด ฉันรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าเบา ๆ ด้วยถ้อยคำของตนเอง จึงเริ่มลงมือร่างโครงเรื่องของเวิ้งฟ้าอันไพศาล โดยรวมเอาประสบการณ์ของตนเอง ประสบการณ์ของคนรู้จัก และเรื่องราวที่ได้ยินได้ฟังมาไว้ด้วยกัน เขย่ารวมกันในรูปของนวนิยายและเอาสารที่ได้จากการอบรมครั้งนั้นมาสื่อเป็นตัวอักษร รวมทั้งเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่ค้างคาใจแม่ของฉันจนวาระสุดท้าย นั่นคือ การแท้งลูกชายคนเดียว(ซึ่งน่าจะเป็นน้องชายของฉัน) และเรื่องค้างคาใจของฉันคือการไม่ได้อยู่กับแม่ในวาระสุดท้าย และการไม่ตระหนักในชีวิต ทำให้หมากับแมวบางตัวตายไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ฉันตั้งชื่อนวนิยายเรื่องนี้ว่า ในเวิ้งฟ้าอันไพศาล โดยหยิบบางถ้อยคำมาจากหนังสือชื่อ เพ่งพินิจเรื่องชีวิตและความตาย ของโซเกียล รินโปเซ แปลโดย พจนา จันทรสันติ กัลยาณมิตรคนสำคัญอีกคนหนึ่ง ในหน้าที่กล่าวว่า
ดูจม รินโปเซ ได้เล่าถึงชั่วขณะที่ริกปะได้เผยออกมา ชั่วขณะนั้นเป็นเหมือนดั่งการเลิกหมวกของเสื้อคลุมออกจากศีรษะ มันช่างกว้างโล่งและไพศาลเสียนี่กระไร ….(วันที่ ๒๖ เมษายน)
ฉันพอใจที่ตรงชื่อเรื่องมีคำว่า ไพศาล อยู่ด้วย ระหว่างเขียนเป็นตอน ๆลงในนิตยสารสกุลไทย ถูกผู้อ่านต่อว่าเรื่องความน่าชังของตัวละครที่ชื่อจันทรบ่อยครั้ง จนปลายเรื่องคนเริ่มสงสารจันทร คนที่ถูกต่อว่าก็กลายเป็นฉันแทน ในขณะเขียน ๔-๕ ตอนสุดท้าย ฉันรู้สึกเหมือนถูกพลิกเข้าไปในสถานการณ์อบรมอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะรู้สึกว่าตัวเองสงบขึ้นเท่า ๆกับจันทร
ขอกราบขอบพระคุณ พระราชสุเมธาจารย์ ผู้เมตตาอบรมสมาธิภาวนา พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล และคณะผู้อบรมเรื่องความตายซึ่งประกอบด้วย พระอาจารย์ภูวดล ปิยสีโล คุณสุ้ย วรรณา จารุสมบูรณ์ และคุณหนุ่ม นิติศักดิ์ ผู้ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจ ขอบคุณคุณศิริจันทร์ ภิรมย์ภักดี และคุณหญิงจำนงศรี หาญเจนลักษณ์ สองผู้กรุณา รวมทั้งผู้มีประสบการณ์ความตายทุกคนที่ผ่านมาในชีวิตของฉัน ขอบคุณเรื่องราวทั้งที่ได้รับการบอกเล่ามาโดยตรงและโดยอ้อม
เพื่อชำระล้างความรู้สึกผิด ขออุทิศส่วนดีงามอันเป็นกุศลผลบุญใด ๆ ของนวนิยายเรื่องนี้แด่แม่ ครูบัวขาว วิทูธีรศานต์ และแด่หมากับแมวที่ทำให้ฉันค้างคาใจ ขอบุญกุศลครั้งนี้จงโปรดคลี่คลายความรู้สึกผิดในใจทั้งหลายทั้งมวลในใจของฉันลงด้วยเทอญ
ชมัยภร แสงกระจ่าง
กันยายน ๒๕๕๘