“ อีเด็กเวร มันต้องขโมยกระเป๋าของฉันไปแน่นอน” ครูยุ้ยเริ่มออกงิ้ว หน้าตาบูดบึ้งกลบรอยแป้งฉาบหน้าราคาสูงเสียสิ้น เธอแวะมาที่โต๊ะในห้องพักครูในช่วงจังหวะที่หลายคนทยอยกลับบ้านไปแล้ว

“ น้องต้องจัดการให้พี่นะ ต้องเป็นฝีมือนังปอแหงๆ เผลอแผล็บเดียวมันฉกไปเลย มันร้ายจริงๆ พรุ่งนี้กะว่าจะไปทำบุญวันเกิดสักหน่อย หนอยแน่ะมาซวยได้ อีเด็กเวร” ทะเลอารมณ์ของครูยุ้ยยังโหมกระหน่ำ

ผมเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวที่ครูยุ้ยละล่ำละลักบอก นังปอที่ตกเป็นจำเลยคงไม่ใช่ใครนอกจาก “น้องแมลงปอ” เด็กนักเรียนหญิงชั้นป. 5 เด็กจอมแก่นแต่งตัวปอนๆ ไม่สนใจเรียนได้แต่สร้างความปวดเศียรเวียนเก้าให้กับครูผู้สอน จนครูส่ายหัวในสมองอันมืดทึบและความสกปรก
หัวหยิกหยอยสีแดง เล็บดำ ฟันเหลือง ได้กลิ่นฉี่ฟุ้งกระจาย ไปที่ไหนก็วงแตกที่นั่น

“ ดูสิ มันทำท่าลับๆล่อๆไปคืนกรรไกรให้พี่ในห้องสมุด พี่ติดพันอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ พี่ให้มันไปวางที่โต๊ะในห้องพักครู พี่วางกระเป๋าไว้ด้วย พอกลับไปที่ห้องหลังเลิกเรียน กระเป๋าอันตรธานไปเลย โอ๊ย อีเด็กเวร พี่เพิ่งปวดหัวกับเรื่องผัวมีเมียน้อย ซ้ำร้ายต้องสูญกระเป๋าไปอีกหรือ”

ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง ภารโรงกำลังเดินเข้ามาปิดห้องเรียนห้องสุดท้าย ลำแสงยามเย็นอ่อนล้าลง แต่อารมณ์ของครูยุ้ยกลับร้อนแรงราวไฟไหม้ตึกแถว

“ ผมว่าพี่ลองทบทวนดูดีๆว่าพี่ไปลืมไว้ที่ไหนหรือเปล่า เด็กมันจะกล้าขโมยหรือ?” ผมลุกขึ้นยืนทำหน้าที่เป็นผู้ไกล่เกลี่ย

“ น้องยังไม่รู้จักมันอีกแล้ว นังปอมันขี้ขโมยจะตาย ขนาดขนมนมเนยที่เด็กๆเอามากินโรงเรียนยังขู่ขอเอาดื้อๆ บ้านใกล้เรือนเคียงยังเอือมระอากับความมือไวใจเร็วของมัน ถ้าจับได้พี่จะให้ผ.อ.ไล่มันออก”

ผมนึกถึงภาพเด็กหญิงแมลงปอคนนี้อีกครั้ง เธอเป็นเด็กผอมโซ อารมณ์ดี ชอบช่วยเหลือเพื่อนๆอาสาทำงานหนัก แม้จะเรียนไม่เก่งนัก ครูหลายคนมักไหว้วานให้ช่วยถูบ้าน เพื่อแลกกับอาหารหรือขนมนมเนยแทนค่าจ้าง เมื่อยามเย็นหลังจากจัดบอร์ดเสร็จ เด็กหญิงแมลงปอเป็นคนอาสานำกรรไกรที่ผมยืมไปคืนครูยุ้ยเอง ไม่น่าจะเกิดเรื่องไม่ดีงามเช่นนี้เลย

“ น้องต้องไปเป็นเพื่อนพี่ที่บ้านนังปอ จะได้เห็นให้เต็มตาเสียที น้องเพิ่งย้ายมาใหม่ยังไม่รู้จักเด็กเพียงพอหรอก ขึ้นรถกับพี่ไปเดี๋ยวนี้เลย”

ครูยุ้ยเดินนำหน้าผมลงไปที่รถเก๋งสีดำราคาแพง บ่งบอกถึงฐานะรวมทั้งตำแหน่งภรรยาของนายตำรวจท้องถิ่น ยิ่งขับรัศมีของครูยุ้ยให้เป็นที่เกรงขาม เธอยังบ่นไปเรื่อยๆเพื่อระบายควันพิษ

“ ไม่รู้เป็นอย่างไรช่วงนี้พี่ดวงซวย เพิ่งจับได้ว่าสามีตำรวจไปแอบมีกิ๊ก พี่เลยไปอาละวาดถึงที่ รู้ไหมมันเป็นใคร ก็อีแค่เด็กสาวเชียร์เบียร์ไม่มีหัวนอนปลายตีน พี่ด่ากราดในร้าน สามีพี่กระชากพี่กลับ ดูสิมันเข้าข้างกัน สามีเขายังตำหนิพี่อีกว่า ทำตัวไม่เหมาะสมกับอาชีพครู มันเลยหายหัวไปหลายวัน พี่ละกลุ้มๆ”

ผมรับฟังครูยุ้ยด้วยความสนใจ พยักหน้ารับเห็นด้วยแม้จะค้านในหลายประเด็น ใครเลยจะรู้ว่าผู้หญิงสวยรวยทรัพย์มีบุคลิกงามสง่าอย่างนี้ จะมีริ้วแผลยับเยินในหัวใจและกำลังกลายร่างเป็นยักษ์

“ ผมว่าพี่ใจเย็นๆก่อนดีกว่า มันอาจจะไม่ร้ายแรงเหมือนพี่คิดก็ได้” ผมพูดขณะที่รถแล่นเข้ามาในท้ายซอยริมทุ่งนา และจอดถามคนเดินถนนเป็นระยะ

“ เราต้องออกแรงเดินไต่คันนาไปอีก รถมันแล่นไปไม่ถึง” ครูยุ้ยเปิดประตูรถก้าวลง จอดรถไว้ใต้ต้นไม้ริมทาง
ผมมองไปสุดสายตา กลางทุ่งข้าวสีเขียวอ่อน มีเพียงกระท่อมหลังเล็กๆแทรกตัวอยู่ในร่มไม้ครึ้ม ลมพัดแรง หอบเอากลิ่นหอมอ่อนๆลอยมา ครูยุ้ยเดินนำหน้าอย่างทุลักทุเล ร้องเท้าส้นสูงพลิกคว่ำหลายครั้ง เล่นเอาเธอต้องกลั้นใจถอดมันหิ้วไว้ในมือ เดินกระย่องกระแย่งเมื่อเหยียบย่างไปบนผืนหญ้า พร้อมปาดเหงื่อที่ไหลย้อย

ภาพกระท่อมโกโรโกโสที่อยู่ตรงหน้าเป็นเพียงการนำสังกะสีมาตีแปะ ประตูบ้านทำจากเศษไม้หยาบๆ หลังบ้านมีควันโขมงเหมือนมีใครก่อไฟหุงข้าว

“ อีปอ เธออยู่บ้านไหม?” ครูยุ้ยตะเบ็งเสียง
ประตูบานนั้นเปิดออก ใบหน้าของเด็กน้อยขมุกขมัวด้วยรอยเปื้อนดำยิ้มกว้าง เด็กหญิงแมลงปอยกมือสวัสดีพวกเรา

“ นี่เธออยู่กับใคร แล้วแม่เธอไปไหน?” เป็นธนูดอกแรกที่จู่โจมเข้าเป้า
เด็กหญิงเนื้อตัวมอมแมมส่ายหน้า ทำท่าลังเลคงไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี จู่ๆเธอก็เงียบเสียง แววตาแป๋ว ส่ายหน้าปฏิเสธอย่างเดียว

“ ฉันถามเธอจริงๆว่า เมื่อเย็นนี้เธอขโมยกระเป๋าฉันมาหรือเปล่า” ครูยุ้ยโพล่งออกมา
เด็กหญิงแมลงปอทำท่าตกใจพร้อมกับส่ายหน้า เสมองพื้นน้ำตากลบหน้า

“ อย่ามาสำออย แกนี่ริจะเป็นโจรตั้งแต่เด็กเลยหรือไร ฉันจะเข้าไปค้นในบ้านแก”

ครูยุ้ยเปิดประตูเข้าไป ต้องผงะหยุดเท้าไว้ชั่วครู่ สายตาที่เห็นทำให้ตะลึง มีเพียงพื้นไม้กระดานยกสูง ไม่มีเครื่องใช้ไม้สอยอะไรเลย กองผ้าห่มและมุ้งเก่าๆแปะไว้ที่ตรงข้างฝา หม้อข้าวสีดำตั้งไว้อยู่บนเตาไฟ ใกล้ๆกันมีโอ่งน้ำใบเก่าคร่ำครึไร้ฝาปิด เราต่างมองหน้ากันนิ่ง คล้ายมีก้อนอะไรติดอยู่ตรงลำคอ ไม่รู้จะทำอะไรกันต่อดี

“ พ่อ ครูเขามาบ้าน” เด็กหญิงแมลงปอตะโกนอย่างดีใจเมื่อเห็นร่างของพ่อโงนเงนคละเคล้ากลิ่นเหล้า เข้ามาในบ้าน

“ ครูมีธุระอะไรหรือ ไอ้ผมมันเป็นพวกหาเช้ากินค่ำ รับจ้างเขาทำงานในตลาด อีปอหาน้ำหาท่ามาให้ครูกินทีสิ”
เด็กหญิงหัวแดงเดินหายเข้าไปตรงมุมครัว หยิบขันพลาสติกกระด่ำกระด่างตักน้ำมายื่นให้ ครูยุ้ยปฏิเสธคงไม่กล้ากินแม้ว่าจะเดินเข้ามาอย่างเหน็ดเหนื่อย ส่วนผมรับถือไว้ชั่งใจว่าจะกินดีหรือไม่

“ ฉันมานี่ก็เพราะว่า ลูกสาวมันขโมยกระเป๋าของฉันมา จะมาค้นและขอคืน อย่าให้ฉันต้องไปแจ้งความเลย มีเงินตั้งเป็นหมื่น” ครูยุ้ยแจ้งขอหา
พ่อขี้เมากวักมือเรียกลูกสาวเข้าใกล้ๆ เด็กน้อยตัวสั่นเทา

“ มึงขโมยเขาจริงหรือเปล่า นิสัยมึงชั่วเหมือนแม่เลย มีชู้หนีตามผัว ต้องให้กูเลี้ยงลูกเลวๆอย่างมึง”
เด็กหญิงหลับตาสลัดหัว ไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมา เท่ากับบันดาลโทสะ ผู้เป็นพ่อเงื้อมือตบฉาดบนใบหน้านั้นดังผลัวะ เด็กน้อยซวนเซราวกับแมงปอถูกเด็ดปีก ถลาทรุดฮวบ
ไม่มีใครสนใจหม้อข้าวที่กำลังเดือดทะลักบนเตาไฟอีกต่อไป

ครูยุ้ยและผมเดินกลับไต่คันนามาเงียบๆ ต่างคนต่างตกอยู่ในห้วงคิด ดวงอาทิตย์สีส้มอำลาฟ้าตรงดงตาล เราต่างไม่รู้สึกอินังขังขอบ แม้ร่างกายจะได้รับไอเย็นจากลมพลบค่ำแต่มันไม่สามารถดับความร้อนในใจลงไปได้

ครูยุ้ยขับรถมาส่งผมที่บ้านพักครู ผมเพียงบอกว่า

“ พี่อย่าเพิ่งไปแจ้งความเลย พรุ่งนี้ผมจะลองถามให้อีกที เด็กคนนี้คงไม่กล้าขโมยหรอก แม้เขาจะจนขนาดนั้น พรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากันใหม่”

ก่อนนอนผมหลับตาไล่เรื่องราวของเด็กหญิงแมลงปอ เด็กหญิงสมองช้าคนนี้มักจะมาเรียนตั้งแต่เช้า ชอบเก็บกวาดห้องและอาสาวิ่งไปซื้อกาแฟเย็นบ่อยๆ เธอมักหลงลืมไม่คืนเงินทอนให้ ผมคิดเสียว่าเป็นค่าจ้างค่าออนให้เด็กคนนี้ไปก็แล้วกัน

“ โตขึ้นหนูอยากมีปีกคะ หนูจะได้บินไปไกลๆ บินไปหาตามหาแม่ที่อยู่ไกล ไม่รู้แม่หายไปไหน หนูอยากมีมีปีกสีแดง พ่อแม่ครูใจดีไหมคะ”

ดวงตาสดใสคล้ายแสงดาวกระจ่างฟ้าเงยหน้าจากภาพวาด ทำให้ผมนิ่งอึ้งในความช่างพูดของเธอ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ซ้อนเร้นในภาพนั้น จนยากที่จะแปลความ แล้วเด็กคนนี้หรือจะขโมยกระเป๋าสตางค์ของครูยุ้ย หรือว่าปีศาจแห่งความจนต้อนให้เด็กหญิงแมลงปอไปสู่มุมแห่งการแก้ปัญหา

คืนนั้นกว่าจะหลับตาลงได้ช่างยากลำบากใจ ภาพของเด็กปิดหน้าร้องไห้และเสียงตะโกนด่าทอของครูยุ้ยสลับไปมากระโดดเข้ามาในฝัน หรือว่าโลกนี้มีเพียงสีขาวและสีดำเท่านั้น

ตอนเช้าก่อนเข้าแถว ภารโรงยิ้มแป้นนำกระเป๋าหนังสีดำมาคืนครูยุ้ย พร้อมทั้งรายงานข่าวหน้าระรื่นว่า เขาพบมันในห้องสมุด หนังสือพิมพ์ฉบับเมื่อวานวางทับอยู่ ซ่อนหลงหูหลงตาคนเป็นเจ้าของ นั่นแสดงถึงความหลงลืมของตัวครูยุ้ยเอง

บรรยากาศยามเช้าพลิกมาเป็นคนละด้านกลับเมื่อวานยามเย็น ครูยุ้ยยิ้มกว้างหน้าตาบานแฉ่งเข้ามาในห้องที่ผมกำลังสอน และขออนุญาตเรียกเด็กหญิงแมลงปอให้ออกมาหน้าชั้นเรียน พร้อมทั้งประกาศทั่วห้องว่า

“ ครูต้องขอโทษหนูแมลงปอด้วยนะคะ กระเป๋าที่หายมันเกิดจากความพลั้งเผลอของครูเอง ทำให้หนูต้องพลอยซวยไปด้วย ครูมีของขวัญวันเกิดให้หนูด้วย ไม่น่าเชื่อว่าเราจะมีวันเกิดตรงกันแม้จะต่างกันหลายรอบ”

ทุกคนปรบมือกันทั้งห้อง รอยยิ้มเปื้อนระบายบนใบหน้าของทุกคน

หลังจากวันนั้นหากใครมองออกไปในสนามหญ้าหน้าโรงเรียน จะเห็นเจ้าแมลงปอสีแดงวิ่งไล่จับเพื่อนกลางสนาม สวมเสื้อกันหนาวสีแดงที่ครูยุ้ยมอบให้ โบยบินไปตรงโน้นทีตรงนี้ทีราวกับกำลังโฉบทุ่งดอกไม้ พร้อมกับเสียงหัวเราะเอิ้กอ้ากสนั่นลั่น

……………………………………………………………………………….

(ภาพประกอบจากเว็บไซต์http://student.sut.ac.th/anurukclub/show_question.php?qs_qno=664 )