คำนำตลาดดอกไม้บาน
     ฉันทดลองอีกครั้งอย่าง “ขวัญสงฆ์”  อยากดำรงเอกลักษณ์ไทยสมัย  วางโครงเรื่องเหมือนนวนิยายในทันใด เหตุเพราะได้เห็นคนเพี้ยนเดินเวียนวน  สงสัยว่าทำไมเป็นเช่นนั้น  สงสัยว่าอะไรกันคือเหตุผล  ทำให้คนที่ดูดีกลับวิกล  ทำให้คนเป็นคนอีกแบบไป  คนแบบที่ฉายชัดวาดรอยยิ้ม เดินไปไหนคนก็พริ้มยิ้มกันใหญ่  เขาทำให้คนอื่นแสนชื่นใจ  เพราะไม่ว่าทำอะไรคนก็ยิ้ม
  จึงลองตั้งเรื่องราวของเขาดู  จินตนาการเลิศหรูจนเอมอิ่ม  ตัวละครรอบรายได้แบบพิมพ์  มาจากหน้าพรายพริ้มยิ้มนั่นเอง  เป็นตลาดนัดใหญ่ในหมู่บ้าน  มีแม่ค้าบริการกันโฉงเฉง  บรรยากาศเริงรื่นออกครื้นเครง  หลากชีวิตบรรเลงเพลงชีวิต  
ฉันสนใจเรื่องมนุษย์กับสำนึก ความรู้สึกรับชอบกับรับผิด  ส่วนใหญ่มักรักษาหน้าอาบยาพิษ  หลอกคนอื่นให้คิดว่าดีและมี ใครจะซวยใครจะตายใครลำบาก  ไม่รู้สึกนึกอยากจะคลายคลี่  คนซื่อตรงยากจนเป็นคนดี  จึงนับวันไม่มีที่จะยืน  ฉันอยากให้ได้เห็นว่าผิดบาป  หากรู้ซาบซึ้งใจไม่ทนฝืน  ย่อมยอมตนรับผิดและคิดคืน  แม้ต้องกลืนกล้ำทุกข์สักปานใด  ชีวิตจึงจะสัมพันธ์กับชีวิต  มีมวลมิตรมีญาติล้วนยิ่งใหญ่ เราทั้งโลกแท้จริงไม่เป็นใคร  หากเป็นคนมีใจสัมผัสกัน
อุทิศแด่เจตนา นาควัชระ คุณปู่ผู้อุตสาหะเป็นหลักมั่น เป็นผู้ชี้ทางงามความผูกพัน  ว่ามนุษย์ต่อมนุษย์นั้นสัมผัสใจ  ใจต้องต่อถึงใจใครคนอื่น  คนจึงจะหยัดยืนเป็นหลักได้  จะชั่วเลวหรือดีเลิศประเสริฐอย่างไร  ล้วนสำคัญตรงข้างในหัวใจตน หวังคนอ่านจะอ่านใจใครคนอื่น  หวังคนอ่านจะแช่มชื่นสิ้นหมองหม่น  กำกับตนกำกับใจไม่ร้อนรน  เป็นดอกไม้ยืนทนและบานตระการ  เป็นหนึ่งดอกในตลาดดอกไม้สวย เป็นหนึ่งในผู้เอื้ออวยช่วยประสาน เป็นดอกไม้เพื่อคนอื่นชื่นใจนาน  เป็นดอกไม้แบ่งบานนิรันดร  
  ชมัยภร  แสงกระจ่าง 
๗  กันยายน  ๒๕๕๕