มกุฏ อรดี (สำนักพิมพ์ผีเสื้อ) และ วชิระ บัวสนธ์ (สำนักพิมพ์สามัญชน) จี้สังคมนักอ่าน วรรณกรรม นักเขียน และผู้ประกอบธุรกิจสิ่งพิมพ์ เฝ้าระวังขบวนการหาผลประโยชน์จากกฎหมายภาษีบริจาคหนังสือ


ประกาศจากโครงการเฝ้าระวังหนังสือบริจาค

บัดนี้เป็นที่แน่ชัดว่า พระราชกฤษฎีกาบริจาคหนังสือเสรี หักภาษีได้ ๒๐๐ เปอร์เซ็นต์ ประกาศใช้แล้ว



แต่ด้วยเหตุที่ฅนไทยกลุ่มหนึ่ง ซึ่งศึกษาปัญหาระบบหนังสือตลอดจนการอ่านของชาติ มานานกว่า ๔๐ ปี มีความเห็นว่า พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวจะเป็นต้นเหตุของปัญหาใหญ่หลวงต่างๆ ในประเทศชาติ อันอาจส่งผลให้เกิดวิกฤติด้านความมั่นคงของราชอาณาจักร เกิดปัญหาภาวะตกต่ำทางสติปัญญาของเด็กไทยในอนาคต ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองจนถึงขั้นใช้ความรุนแรง ปัญหาการครอบงำทางความ คิด ปัญหาการฉกฉวยผลประโยชน์ทางการค้าและการเมืองโดยอาศัยเด็กเป็นเครื่องมือ และแม้แต่ปัญหาการแบ่งแยกดินแดน อีกทั้งปัญหาอื่นๆ ที่มิอาจแถลงในที่สาธารณะได



ด้วย เหตุดังกล่าว บุคคลผู้มีความปรารถนาดีและประสงค์ดีต่อประเทศชาติ จึงได้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อประมวลผลเสียอันเนื่องจากพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว และเสนอต่อประชาชนฅนไทย เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาบานปลายทั้งหลายที่จะเกิดขึ้นต่อไป บุคคลกลุ่มนี้จะดำเนินงานโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองหรือพรรคการเมือง และไม่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางธุรกิจการค้าใดๆ

จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน และขอความร่วมมือจากประชาชนผู้รักชาติทั้งหลาย


ประกาศในวันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๔

นายมกุฏ อรฤดี

(หัวหน้าคณะทำงานโครงการเฝ้าระวังหนังสือบริจาคลดภาษี)


หมายเหตุ
โครงการนี้ปลอดการเมือง แปลว่า การเมืองอย่ามายุ่ง และไม่ขอยุ่งกับการเมือง
ทั้งพรรคการเมืองและนักการเมือง



————————–————————–————————–———-


วันที่ ๒๙ มีนาคม ศกนี้

คณะทำงานโครงการเฝ้าระวังหนังสือบริจาคลดภาษี จะ ระดมทุนเพื่อทำงานประมวลผลเสียของการบริจาคหนังสือเสรีหักภาษีได้ ๒๐๐ เปอร์เซ็นต์ อย่างเป็นระบบแบบแผน เพื่อชี้ให้ประชาชนทั้งหลายเห็นและเข้าใจ ก่อนจะถึงวันแห่งความฉิบหายของ ประเทศชาติ

—เหตุที่ต้องระดมทุน เพราะทุนของเราหมดแล้ว



เพื่อนพ้องน้องพี่ที่เห็นด้วย หรือประสงค์จะเข้าใจแนวคิดนี้ โปรดแวะไปที่

ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ห้องมีตติงรูม ๓

เวลา ๑๒.๓๐ น. เป็นต้นไป

วันอังคารที่ ๒๙ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๔


ผลของการประมวลปัญหาเบื้องต้นอาจจะทันก่อนวันเลือกตั้งในปลายเดือนมิถุนายน ศกนี้ บางทีกรณีพระราชกฤษฎีกาบริจาคหนังสือเสรีหักภาษีได้ ๒๐๐ เปอร์เซ็นต์นี้ อาจจะเป็นจุดพลิกผันของการเมืองก็ได้ ใครจะรู้

ฟังเสียงบทสัมภาษณ์ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทยและ มกุฏ อรฤดี ในรายการ Mango Bango ว่าด้วยการบริจาคหนังสือเสร

๑. http://www.youtube.com/watch?v=U3jv-zbJ0O8
๒. http://www.youtube.com/watch?v=gtB1I_TXYfI
๓. http://www.youtube.com/watch?v=TLZGKeAm1MQ
๔. http://www.youtube.com/watch?v=JIl1FVXJIF8


สัมภาษณ์รายการอื่นๆ

๕.
http://www.youtube.com/watch?v=67sc2Mx6XbA&feature=related
๖. http://www.youtube.com/watch?v=UlwZrmJPsmo&feature=mfu_in_order&list=UL

๗. http://www.youtube.com/watch?v=RmSkQj-xqC0&feature=mfu_in_order&list=UL

๘. http://www.youtube.com/watch?v=-6yQDdnXSEk&feature=related
๙. http://www.youtube.com/watch?v=tIXBDgotuI4&feature=related


สัมภาษณ์ที่เกี่ยวข้อง

๑๐.
http://www.youtube.com/watch?v=iEyZAFAbWLc&feature=BF&list=ULjS3ugMqKP6s&index=4

๑๑.http://www.youtube.com/watch?v=gmc__gu-qzc&feature=related

๑๒. http://www.youtube.com/watch?v=aUqWm70Tjvc&feature=related

๑๓. http://www.youtube.com/watch?v=rV2qhOC2gW4&feature=related

๑๔. http://www.youtube.com/watch?v=Ah7aLRIoYyw&feature=mfu_in_order&list=UL


อื่นๆ

๑๕.
http://www.youtube.com/watch?v=CcFC8oeIYqw&feature=related
๑๖. http://www.youtube.com/watch?v=4_9pVFdvd60&feature=mfu_in_order&list=UL

๑๗. http://www.youtube.com/watch?v=0NAIO9TFa5c&feature=related


————————–————————–————————–—-

งานนี้ต้องการอาสาสมัครจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรณารักษ์ และครู ทุกจังหวัด หรือผู้สนใจจะปกป้องประเทศชาติมิให้ฉิบหายก่อนเวลาอันควรด้วยเหตุหนังสือบริจาคเสร
โปรดแจ้งความจำนงผ่านเฟซบุ๊คนี้ http://www.facebook.com/login/setashome.php?ref=genlogin#!/event.php?eid=175332305847168
หรือ โทรศัพท์ 083 440 2117


ผู้ปรารถนาจะช่วยเหลือโครงการนี้ โปรดชักชวนสมาชิก
เพื่อนพ้องที่เห็นด้วยและเข้าใจ ช่วยกันรวมรายชื่อเป็นกลุ่มก้อน  เพื่อการทำงานเป็นระบบ แต่ละฅนก็ช่วยกันหาอาสาสมัครเท่าที่จะหาได้  เมื่อทำทะเบียนสมาชิกแล้วก็จะรู้ได้ว่า ในท้องที่ใด ขอบเขตใดมีใครอยู่บ้าง  งานต่อไปคือสอดส่องสำรวจหนังสือในห้องสมุดโรงเรียนเป็นงานแรก
รายละเอียดเกี่ยวกับการทำงานจะแจ้งให้ทราบเพื่อความเข้าใจตรงกัน


 


จดหมายเปิดผนึก จาก วชิระ บัวสนธ์


พี่น้องที่เคารพครับ



  • เรื่องของเรื่องก็คือ ผมได้รับคำถามจากหลายท่านทีเดียว ว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่ อย่าว่าแต่เพื่อนผมคนหนึ่ง ซึ่งเชื่อมั่นในระดับสติปัญญาตัวเอง ว่าเหนือกว่าใครมากคนในสถานที่ทรงเกียรติ ‘แห่งนั้น’ ยังไม่วายโทรศัพท์มาถามไถ่รายละเอียดเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

  • เพื่อนผมส่งเสียงมาเมื่อคืน ประมาณตีสาม ท่ามกลางอุณหภูมิ 15 องศาฯ “กระผมขอความรู้ความเข้าใจหน่อยเถอะ ว่าเรากำลังประกอบภารกิจอันใด เพราะภรรยาที่เคารพของกระผมเริ่มสงสัย ว่าเรากำลังสมคบร่วมคิด ทำอะไรมิดีมิร้ายอยู่หรือเปล่า?”

  • ได้ยินเช่นนั้น ผมย่อมจะต้องสงสัยสิครับ จึงย้อนถามกลับไป “อ้าว! พระเดชพระคุณท่านไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ แล้วทำไมเข้าร่วมล่ะขอรับ”

  • การเข้าร่วมของเพื่อนผมที่เป็นรูปธรรมก็คือ จัดการเปลี่ยนภาพประจำตัวเป็นตราสัญลักษณ์ ‘โครงการเฝ้าระวังฯ’ นั่นแหละครับ แถมชักชวนมิตรสหายอีกโขยงหนึ่งให้ทำตาม

  • “สองเหตุผลจริงๆ คร้าบ….พี่” เพื่อนว่า “หนึ่ง! กระผมเชื่อมั่นในสัมผัสตัวเอง ว่าเรื่องนี้มันมีกลิ่นทะแม่งๆ และสอง! จะพูดว่าไม่เป็นเหตุผลก็ได้ แต่สำหรับกระผม นั่นแหละ บิดาแห่งเหตุผลโคตรๆ ที่ทำให้กระผมกระโจนเข้าร่วม โดยไม่จำเป็นต้องเสียเวลาคิดให้มากความ สรุปแล้วก็คือ เพราะคนชื่อมกุฏ อรฤดี ว่ะ ส่วนคุณพี่เวียง-วชิระ บัวสนธ์ นั้น กระผมยังหวั่นๆ ปากคอมันอยู่น่ะครับ เลยขออนุญาตไม่นับรวมเป็นเหตุผลในการนี้”

  • ประเด็นก็คือ ทั้งเพื่อนผมและอีกหลายๆ ท่าน ต้องการให้ช่วยอธิบายขยายความ เพื่อจะได้ตอบคำถามใครต่อใครว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่ ยังไม่พูดถึงว่า อาจถือโอกาสเชื้อเชิญผู้ปรารถนาดีให้เข้าร่วมสมทบส่วนในขบวนนี้เพิ่มขึ้น

  • สารภาพตรงๆ ผมเป็นคนขี้เกียจน่ะครับ ประกอบกับพบว่า พี่มกุฏ อรฤดี เคยพูดไว้อย่างได้น้ำ้ได้เนื้อดีแล้ว แทนที่ให้คนคุ้มดีคุ้มร้ายอย่างผมไปพูดซ้ำ เผลอๆ อาจทำให้ไขว้เขวยิ่งขึ้น

  • เช่นนี้แล้ว ผมจึงขอคัดลอกถ้อยคำบางส่วนที่พี่มกุฏ อรฤดี ได้พูดเอาไว้ (ก่อนกฎหมายบริจาคหนังสือเสรีฯจะประกาศบังคับใช้) มาให้ทุกท่านอ่านกันอีกครั้ง ดังนี้ :

เรื่องนี้ไม่ได้ชวนให้มาบ่นนะครับ เพราะบ่นไปก็ไร้ประโยชน์ เสียเวลา สิ้นเปลืองพลังงานและเปลืองน้ำลายเปล่าๆ—แต่อยากบอกให้รู้ว่ามีเรื่องเกิดขึ้นเช่นนี้ และถามว่า จะช่วยกันคิดทำอะไรบ้างไหม


 


เพิ่งได้ข่าวจากผู้จัดหาหนังสือในตลาดหนังสือเก่า เมื่อ ๑๕.๓๐ น. ๑๑ กุมภา. ๕๔


แจ้งว่า ขณะนี้นักการเมืองของพรรคการเมืองใหญ่แห่งหนึ่ง กำลังติดต่อซื้อหนังสือเก่าที่ขายไม่ได้ในราคาต้นทุนประมาณ ๑๐-๑๕ เปอร์เซ็นต์ ของราคาปก มูลค่ามหาศาล


แต่ให้ผู้ขายออกใบเสร็จรับเงินในราคาเต็มตามราคาหน้าปก เพื่อรอรองรับพระราชกฤษฎีกาบริจาคหนังสือได้ลดภาษี ๒๐๐ เปอร์เซ็นต์ซึ่งกำลังรอกฤษฎีกาพิจารณา


 


สิ่งที่กำลังเป็นไปนี้คือมหกรรมของนักการเมืองพรรคนั้นและพรรคอื่นๆ


ผู้ประกอบธุรกิจหนังสือเก่าที่ขายไม่ได้ ยังได้บอกชื่อพรรคการเมืองนั้นด้วย


 


นายกรัฐมนตรีทราบเรื่องนี้หรือไม่ครับ


 


และ คนในวงการหนังสือ คิดจะทำอะไรบ้างไหมครับ


 


——————————————-


 


ลองคิดเลขอย่างง่ายๆ โง่ๆ ดังนี้นะครับ


 


หนังสือราคาปก ๑๐๐ บาท นักการเมืองซื้อจากผู้ขายราคา ๑๕ บาท


ได้ใบเสร็จมา ๑๐๐ บาท แต่ได้หักภาษีเมื่อสิ้นปี ๒๐๐ บาท เท่ากับกำไร ๑๘๕ บาท


นักการเมืองหรือญาตินักการเมืองคนนั้นได้กำไร ๑๘๕ บาท ลงทุนเพียง ๑๕ บาท


แต่ประเทศชาติขาดทุน ๒๐๐ บาท และอาจจะขาดทุนมากขึ้นอีก เพราะจำเป็นต้องเพิ่มค่าต่างๆ มากขึ้นอีก คือ


 


– ค่าดูแลหนังสือซึ่งอาจจะใช้ไม่ได้ (แต่ทำลายไม่ได้ เพราะต้องเก็บหลักฐานกระทบกับใบเสร็จรับเงิน)


– ค่าสร้างโกดัง กรณีหนังสือมากล้นจนไม่มีทีเก็บ


– ค่ากำจัดปลวกตามโรงเรียนต่างๆ ที่มีเรือนไม้ หรือสถานที่ซึ่งปลวกชุก


– ค่าตรวจสอบว่ามีการบริจาคจริงหรือไม่


– ค่าจ้างพนักงานกรมสรรพากร เพื่อตรวจสอบกรณีนี้ มากขึ้น


– ค่าจ้างคนดำเนินการเพื่อพิจารณาหนังสือบริจาคมากขึ้น


– ค่าทำลายหนังสือ หากตรวจสอบแล้วว่าใช้การไม่ได้


ฯลฯ


 


คุณเวียง-วชิระ บัวสนธ์ ได้ยืนยันในการเสวนาเรื่อง ทำหนังสือให้ดี ชั่วโมงเรียนวิชาเสวนาบรรณาธิการ บรรณาธิการศึกษา


ที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันอังคารที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ นี้ ว่า


มีนักการเมืองติดต่อด้วยกระบวนการเช่นที่ยกตัวอย่างนี้จริง


 


ปัญหาก็คือ แนวคิดบริจาคหนังสือและได้หักภาษี ๒๐๐ เปอร์เซ็นต์นี้


เป็นข้อเสนอจากสมาคมผู้จัดพิมพ์และจำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย


ซึ่งสำนักพิมพ์ทั้งหลายในประเทศไทยเป็นสมาชิกเกือบหมดทุกสำนักพิมพ์


 


ฯลฯ


 


ประเทศไทยจะเหลืออะไรเล่าครับ นอกจากนักการเมืองเลวๆ ร่ำรวย และประชาชนจนลง


และน่าแปลกใจว่า เหตุใดผู้เกี่ยวข้องในวงการนี้ ทุกคนเงียบ ไม่พูดถึงผลร้ายกันเลย


จะมีใครเฉลียวใจคิดกันหรือไม่ว่า


เงินที่รัฐบาลคืนเป็นค่าภาษีนั้น คือเงินภาษีของชาวบ้าน


คือเงินของเราทั้งหลายที่จ่ายให้รัฐบาลทั้งทางตรงและทางอ้อม


เช่น ภาษีสินค้าทุกชิ้น แม้แต่ซื้อบะหมี่สำเร็จรูป ๑ ซอง ก็ต้องเสียภาษีให้รัฐบาล แล้วรัฐบาลก็เอาไปให้พวกนั้น


 


นี่พูดถึงเฉพาะเรื่องเงินภาษีที่รัฐควรได้ แต่ไม่ได้ แถมยังต้องชดใช้ช่วยหักเข้าไปอีก


ยังไม่พูดถึงเรื่องอื่นๆ อันเป็นผลเสียใหญ่หลวงในแต่ละด้าน เช่น คุณภาพของหนังสือบริจาค การครอบงำความคิดเด็กหากมีโฆษณาแฝงในหนังสือ


หรือโฆษณาหาเสียงของนักการเมือง อีกมากมายหลายเรื่อง ล้วนใหญ่ๆ ทั้งสิ้น


 


เชิญอ่านบทความที่นี่ครับ


http://www.facebook.com/note.php?note_id=156218327752875&id=100001027479996


เชิญฟังเสียงที่นี่ครับ


http://www.youtube.com/watch?v=67sc2Mx6XbA


http://www.youtube.com/watch?v=wFpm077v250


http://www.youtube.com/watch?v=vIy0TxDD4jw


 



  • ข้อความที่ผมยกมาข้างต้นนี้ หวังว่าน่าจะช่วยสร้างความกระจ่างแก่พ่อแม่พี่น้องผองเพื่อนได้บ้างนะครับ

  • ส่วนใครจะทำอะไรหรือไม่อย่างไร ก็แล้วแต่จะสมัครใจ

  • โดยส่วนตัว ผมมีหลักง่ายๆ แค่เพียง ‘ในเมื่อเราพบว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ก็ต้องทำ!’ ประกอบกับยังไม่พร้อมที่จะลงความเห็นในทำนองที่ว่า เนื่องเพราะผลประโยชน์บังตาหรือมีเอี่ยวอยู่ด้วย จึงส่งผลให้ใครต่อใครที่สมควรทำอะไรในเรื่องนี้ ไม่ยอม ‘ขยับ’ ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นจริง ก็อาจต้องนับว่าน่าเป็นห่วงยิ่งในฐานะสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์เดียวกัน เพราะบาปกรรมที่ร่วมก่อหรือกระทำในกรณีนี้ นรกเปิดประตูรอรับอยู่เห็นๆ!!

  • ผมยังเชื่อครับ ว่ามีผู้ปรารถนาดีต่อบ้านนี้เมืองนี้อีกมากมาย ขอเพียงเราทั้งหลายช่วยกันคนละไม้ละมือ อย่างน้อยที่สุด เราก็สามารถนับถือตัวเองได้แล้วครับ

ด้ ว ย นั บ ถื อ โ ด ย แ ท้


เวียง-วชิระ บัวสนธ์


 


อนึ่ง



โครงการเฝ้าระวังหนังสือบริจาค ต้องการผู้ร่วมงานและอาสาสมัครจำนวนมาก
ทั่วราชอาณาจักร และนอกประเทศ

สมทบทุนโครงการได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย สาขาซีพี ทาวเวอร์
บัญชีออมทรัพย์ หมายเลขบัญชี 620-2-04588-8

ชื่อบัญชี “โครงการเฝ้าระวังหนังสือบริจาค” (ฺBooks Donation Surveillance)

สอบถามได้ที่ โทรศัพท์ 083 440 2117

อีเมล [email protected]m